ถ้าใครติดตามและคลุกคลีอยู่กับวงการเทคโนโลยีคลาวด์ (Cloud) คงคุ้นหูกันไม่น้อยกับชื่อ Forbes Cloud 100 ซึ่งเป็นการจัดอันดับประจำปี โดยนำรายชื่อบริษัทคลาวด์เอกชนชั้นนำของโลกมาจัดอันดับ โดย Forbes เป็นการจัดต่อเนื่องมาเป็นเวลาปีที่ 10 แล้ว เสมือนเป็น “ทำเนียบสุดยอดบริษัทคลาวด์ของโลก” ที่รวบรวม 100 บริษัทที่น่าจับตามองที่สุดในแต่ละปี
การจะเข้าไปอยู่ในลิสต์ Forbes Cloud 100 นี้ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย เพราะ Forbes จะคัดเลือกจากปัจจัยหลายประการ ทั้งการเติบโตของรายได้ ความพึงพอใจของลูกค้า ไปจนถึงวิสัยทัศน์และการสร้างนวัตกรรมขององค์กรนั้น ๆ
ซึ่งในปี 2025 นี้ รายชื่อ Cloud 100 มีความพิเศษกว่าทุกปีที่ผ่านมา เพราะเป็นปีที่มูลค่ารวมของบริษัททั้งหมดในลิสต์ทะลุ 1.117 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือมากกว่า 40 ล้านล้านบาท ซึ่งเป็นตัวเลขที่เพิ่มขึ้นมากถึง 36% จากปี 2024 ที่ผ่านมา และถ้าเราสังเกตดี ๆ จะเห็นว่าเทคโนโลยี AI กำลังเข้ามาเป็นตัวขับเคลื่อนสำคัญ บริษัทที่ทำด้าน AI มีเพียงไม่กี่เจ้า กลับถือครองมูลค่ารวมกว่า 42% ของทั้งลิสต์ และยังเติบโตเร็วกว่าบริษัทคลาวด์ทั่วไปอย่างเห็นได้ชัด
ท่ามกลางยักษ์ใหญ่สาย AI และคลาวด์ ในปี 2025 นี้ Odoo ได้ก้าวขึ้นมาติดอันดับ Cloud 100 เป็นครั้งแรก ถือเป็นก้าวสำคัญเป็นอย่างมาก เพราะ Odoo ไม่ได้เป็นบริษัทสาย AI โดยตรง แต่เป็น ผู้ให้บริการ ERP (Enterprise Resource Planning) ระบบบริหารจัดการธุรกิจที่เติบโตจากการเป็นซอฟต์แวร์ประเภท Open Source สู่การเป็นแพลตฟอร์มระดับโลก
ทำไม Odoo ถึงได้อยู่ใน Forbes Cloud 100?
มีเหตุผลหลายอย่างที่ทำให้ Odoo ก้าวเข้ามาอยู่ในลิสต์ Forbes Cloud 100 นี้ได้
Ref: https://www.forbes.com/cloud100/list/2/#tab:overall
1. การเติบโตแบบก้าวกระโดด
เติบโตอย่างต่อเนื่อง ทั้งด้านผู้ใช้งานและรายได้ ปัจจุบัน Odoo มีผู้ใช้งานทั่วโลกหลายล้านคน และมีพาร์ทเนอร์กระจายอยู่แทบทุกทวีป การขยายตัวในตลาดอเมริกาและเอเชียก็เป็นตัวเร่งสำคัญที่ส่งผลต่อการเติบโตของ Odoo
2. รูปแบบธุรกิจที่แตกต่าง
จุดแข็งของ Odoo คือการผสมผสานระหว่าง Open Source และ Enterprise Model ทำให้ Odoo สามารถเข้าถึงได้ทั้ง SMEs และองค์กรขนาดใหญ่ Odoo มีโมดูลมากมายให้เลือกใช้งาน และมีความยืดหยุ่น สามารถปรับแต่งได้ตามความต้องการอีกด้วย
3. คุณภาพของสินค้าและทีมงาน
Forbes ไม่ได้พิจารณาคัดเลือกโดยดูแต่ตัวเลขทางการเงินเท่านั้น แต่ยังให้ความสำคัญกับประสบการณ์ของลูกค้า และคุณภาพของการบริหารจัดการ ซึ่ง Odoo มีชุมชนนักพัฒนาและผู้ใช้งานที่แข็งแรงเป็น ecosystem ที่ช่วยผลักดันการเติบโตได้จริง โดยเราเรียกชุมชนนั้นว่า OCA (Odoo Community Association)
บทความแนะนำ:
อ่านบทความที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติม ได้ที่
OCA (Odoo Community Association) คืออะไร
4. ปัจจัยจากการลงทุนและพันธมิตร
การที่ Alphabet VC (CapitalG) เข้ามาร่วมลงทุนกับ Odoo เมื่อไม่นานมานี้ อาจะเป็นเหตุผลหนึ่งที่ช่วยเสริมภาพลักษณ์และความน่าเชื่อถือในสายตาของตลาดโลก ทำให้ Odoo ถูกมองว่าเป็นบริษัทที่มีศักยภาพ สามารถขยายตัวได้อีกมากในอนาคต
ในฐานะที่ Roots เองก็เป็นหนึ่งใน Odoo Official Partner และทำงานใกล้ชิดกับลูกค้าไทยมาอย่างยาวนานมากกว่า 12 ปี เรามองว่าการที่ Odoo ติดอันดับ Forbes Cloud 100 ครั้งนี้ เป็นเหมือนการรับรองว่าทิศทางของ Odoo มาถูกทางแล้ว ไม่ใช่แค่การเป็นผู้ให้บริการซอฟต์แวร์ ERP แต่คือการสร้างแพลตฟอร์มที่จะเป็นรากฐานให้ธุรกิจยุคดิจิทัล
สิ่งนี้ยังเป็นแรงบันดาลใจให้ทีม Roots เองด้วย ว่าเรากำลังเดินไปกับผู้เล่นที่ได้รับการยอมรับในระดับโลก และมันตอกย้ำว่า SMEs ไทยก็ควรใช้โอกาสนี้ในการยกระดับตัวเองด้วยระบบ ERP ที่มีมาตรฐานระดับ Forbes Cloud 100
ก้าวสำคัญนี้ของ Odoo คือสัญญาณชัดเจนว่า โลกธุรกิจกำลังมุ่งหน้าเข้าสู่ยุค Cloud และ AI อย่างจริงจัง และเชื่อมั่นได้ว่า Odoo จะยังคงเดินหน้าเติมเต็มโมดูลใหม่ ๆ พร้อมนำ AI เข้ามาเสริมให้ระบบฉลาดขึ้นไปอีก ส่วน Roots ในฐานะ Odoo Official Partner เราก็พร้อมจะพาลูกค้าก้าวไปพร้อมๆ กับการเปลี่ยนแปลงในครั้งนี้
แหล่งที่มา: https://www.forbes.com/lists/cloud100/
Odoo ก้าวสู่เวทีโลก ติดอันดับ Forbes Cloud 100 ปี 2025 เป็นครั้งแรก