หากพูดถึง Software ERP ลำดับต้น ๆ ที่คนมักนิยมใช้งานกัน Odoo อาจจะเป็นคำตอบที่หลายคนนึกถึง เนื่องจาก Odoo สามารถตอบโจทย์ธุรกิจได้ทุกรูปแบบ เริ่มต้นใช้งานได้ง่าย และมีฟังก์ชันการทำงานที่หลากหลาย เหมาะกับการจัดการธุรกิจในยุค Digital ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
อย่างที่เราทราบกันดีว่าพื้นฐานของ Odoo นั้น มี 2 แบบ คือ Enterprise Edition และ Community Edition วันนี้เราจะมาทำความรู้จักกับ Odoo Enterprise Edition กัน
Odoo Enterprise Edition
คืออะไร?
Odoo Enterprise Edition คือ เวอร์ชันหนึ่งของ Odoo ที่มีเครื่องมือที่อำนวยความสะดวกมากมาย สำหรับการจัดการกระบวนการทางธุรกิจทั้งหมดขององค์กร ตั้งแต่เรื่องของการผลิต การขาย การจัดการคลังสินค้า โลจิสติกส์ จัดซื้อ บัญชี ฝ่ายบุคคล การจัดการโครงการ การสร้างเว็บไซต์ ไปจนถึงการทำการตลาดรูปแบบต่าง ๆ โดยแยกเป็น Module ให้สามารถเลือกใช้งานได้ตรงกับลักษณะธุรกิจของเรา มองภาพเหมือนเรากำลังต่อจิ๊กซอว์ เริ่มต่อจากชิ้นแรก ชิ้นที่สอง ชิ้นที่สาม จนกลายเป็นภาพใหญ่ Module ของ Odoo เปรียบเสมือนจิ๊กซอว์ชิ้นหนึ่งที่เราสามารถต่อเสริมเข้าไปได้เรื่อย ๆ ตามความต้องการใช้งานของเรา
Odoo Enterprise Edition (Version 17)
แล้วแบบนี้ Odoo Enterprise Edition ก็เหมือนกับ Community Edition เลยไม่ใช่หรอ?
คำตอบคือ ไม่ใช่
Odoo Enterprise Edition มีข้อได้เปรียบ Community Edition หลายข้อด้วยกัน
ในแง่ของการทำงาน Odoo Enterprise Edition มีคุณสมบัติที่ครบครัน มีฟีเจอร์ครอบคลุมการทำงานทุกแบบ ทำให้การเริ่มพัฒนาวางระบบการใช้งานไม่ต้องใช้เวลาเนิ่นนาน ช่วยประหยัดทั้งต้นทุนและเวลาค่าบริการในส่วนนี้ไปได้ Odoo Enterprise Edition มีหลายฟีเจอร์ที่ Odoo Community Edition ไม่สามารถทำได้ หากธุรกิจของคุณต้องการเพียงซอฟต์แวร์ ERP พื้นฐาน การใช้ Odoo Community Edition ก็อาจเพียงพอ ตอบโจทย์การทำงานเบื้องต้นแล้ว แต่ถ้าคุณมีแพลนที่จะขยายต่อยอดธุรกิจต่อไปในอนาคต การวางระบบที่ดีที่สามารถรองรับการขยายตัวของธุรกิจได้ก็เป็นเรื่องสำคัญ
Odoo Enterprise Edition จึงเหมาะสมกับการวางแผนใช้งานระยะยาว โดยจะช่วยให้คุณสามารถเข้าถึงโมดูลและฟีเจอร์การทำงานทั้งหมดได้ การมีฟีเจอร์ที่ครบถ้วนและครอบคลุมการทำงานจะทำให้การใช้งานระบบ หรือการเริ่มพัฒนาระบบไม่ต้องใช้เวลานาน ซึ่งช่วยประหยัดทั้งต้นทุนและระยะเวลาที่ใช้ในการพัฒนาระบบได้ เนื่องจากผู้ใช้งานไม่ต้องพัฒนาฟีเจอร์เพิ่ม ระบบก็มีฟีเจอร์ที่รองรับตอบโจทย์การใช้งานครบถ้วนแล้ว
Community Edition
- การใช้งานมีขีดจำกัด
- ไม่สามารถอัปเกรดเวอร์ชันได้
- ไม่สามารถเช่าเซิร์ฟเวอร์ได้
- สามารถใช้งานผ่านเว็บ Browser
Enterprise Edition
- รองรับการใช้งานได้ไม่จำกัด
- สามารถอัปเกรดเวอร์ชันได้
- สามารถเช่าเซิร์ฟเวอร์ได้
- สามารถใช้งานผ่านเว็บ Browser
นอกจากนี้ Odoo Enterprise Edition ยังโทนสีและโครงสร้างเมนูที่สวยงาม สะดวก ดูสบายตาและใช้งานง่าย แถบเมนูต่าง ๆ ในการเข้าใช้งานมีความชัดเจน และมีความเป็นมิตรต่อผู้ใช้ ข้อได้เปรียบที่สำคัญที่สุดอีกอย่างหนึ่งของ Odoo Enterprise Edition ก็คือ รองรับการใช้งานกับอุปกรณ์ที่หลากหลาย หน้าจอจะมีการปรับให้เข้ากับอุปกรร์ที่เปิดใช้งานไม่ว่าจะเป็นเดสก์ท็อป สมาร์ทโฟน แท็บเล็ต หรือ iPad เอง ก็สามารถใช้งานได้หมด ทำให้ผู้ใช้สามารถเข้าถึง Odoo Enterprise Edition ได้อย่างสะดวก และยืดหยุ่นในการเปิดใช้งานจากอุปกรณ์ใดก็ได้ เท่านั้นยังไม่พอสำหรับผู้ใช้งานที่ใช้ Odoo Enterprise Edition จะได้รับประโยชน์จากการอัปเดตและอัปเกรดเวอร์ชันใหม่ฟรี เนื่องจาก Odoo จะมีการเปิดตัวเวอร์ชันใหม่ในช่วงเดือนตุลาคมของทุกปี หากเราใช้ Odoo Enterprise Edition ก็จะมีโอกาสได้ใช้ฟีเจอร์ใหม่ทุกรูปแบบที่ทาง Odoo ทำออกมาเพื่อให้สอดคล้องกับการทำงานในยุคปัจจุบัน
สรุปง่าย ๆ ว่าทำไมเราถึงควรตัดสินใจเลือกใช้ Odoo เวอร์ชัน Enterprise
มีฟังก์ชั่นการใช้งานหลากหลาย ตอบโจทย์ทุกธุรกิจยุค Digital ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ด้วยคุณสมบัติที่ครบครัน ทำให้สามารถวางแผนระบบการทำงานได้ง่ายดาย ช่วยประหยัดเวลาและต้นทุนได้
รองรับการใช้งานผ่านอุปกรณ์ได้หลากหลาย ทั้งเดสก์ท็อป สมาร์ทโฟน แท็บเล็ต และ iPad ทำให้ผู้ใช้งานสามารถทำงานจากที่ใดก็ได้ เพียงแค่มี Internet
Odoo Enterprise Edition เหมาะกับองค์กรที่มีการวางแผนการใช้งานระบบระยะยาว และมีแพลนจะขยายธุรกิจในอนาคต ทั้งนี้ทั้งนั้นผู้ใช้งานควรศึกษาข้อมูลต่าง ๆ ให้ครบถ้วนก่อนตัดสินใจว่า องค์กรของเราควรจะเลือกใช้ระบบ Odoo เวอร์ชันไหน และควรได้รับแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญทางด้าน Odoo โดยเฉพาะ
สนใจนำ Odoo ERP มาใช้ในองค์กร ติดต่อ Roots, Odoo Official Partner Thailand ได้เลย คลิก!
ข้อดีของ Odoo Enterprise Edition