Odoo ERP มุ่งเน้นที่การเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานและเสริมคุณค่าให้กับผู้ใช้งาน สำหรับ Odoo 18 นี้ Odoo ได้ให้ความสำคัญกับการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่มีอยู่มากกว่าการเพิ่มฟีเจอร์ใหม่ ๆ

ในโมดูลการขาย ตั้งแต่การจัดการ Catalog, การสร้างและแก้ไขข้อมูลสินค้า, การส่งใบเสนอราคาอย่างมีประสิทธิภาพ ไปจนถึงการสร้างและรักษาความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้า นอกจากนี้ ยังมีการพัฒนาเครื่องมือเพื่อให้ทีมขายมีแรงจูงใจ เช่น การจัดการระบบค่าคอมมิชชั่น เพื่อช่วยให้ทีมขายได้รับผลตอบแทนอย่างเหมาะสมและมีแรงผลักดันในการทำงาน

Odoo ได้พัฒนาฟีเจอร์เหล่านี้ เพื่อสนับสนุนให้ธุรกิจสามารถดำเนินงานได้รวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น พร้อมทั้งช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถปรับปรุงกระบวนการทำงานได้อย่างเหมาะสมตามความต้องการของธุรกิจ

การสร้างและจัดการ Catalog Product

มีการปรับปรุงหน้าจอการจัดการสินค้า Catalog Product ให้มีความเรียบง่ายและชัดเจนมากยิ่งขึ้น ทีมงาน Odoo ได้ทำการปรับเรียงปุ่มต่าง ๆ และเปลี่ยนป้ายชื่อเพื่อเพิ่มความสะดวกในการใช้งาน นอกจากนี้ ยังมีการลดข้อมูลในหน้าแรกลง ทำให้กระบวนการสร้างผลิตภัณฑ์ใหม่เป็นเรื่องที่ง่ายมากขึ้นกว่าเดิม

​การเปลี่ยนแปลงที่สำคัญก็คือ การจัดประเภท Product ซึ่งก่อนหน้านี้ Odoo มีประเภทผลิตภัณฑ์ (Product Types) ที่หลากหลายและอาจทำให้ผู้ใช้งานสับสน เช่น ผลิตภัณฑ์ที่บริโภคได้และจัดเก็บได้ เป็นต้น การเปลี่ยนแปลงใน Odoo 18 นี้ได้ลดประเภทผลิตภัณฑ์ให้เหลือเพียง 3 ประเภทหลัก ได้แก่

1. สินค้าทั่วไป (Goods) 
2. บริการ (Service) 
3. สินค้าแบบชุดรวมหรือแบบคอมโบ (Combo) ซึ่งใน Odoo 18 นี้ สินค้า Combo ที่เคยใช้เฉพาะใน POS สามารถใช้ได้กับทุกโมดูลการขาย ไม่ว่าจะเป็น การขาย การเช่า การสมัครสมาชิก หรืออีคอมเมิร์ซ

แม้จะลดจำนวน Product Types จะลดลง แต่ฟังก์ชันการใช้งานหลัก เช่น การติดตามสินค้าคงคลังและการจัดการบริการยังคงมีอยู่ ผู้ใช้งานสามารถกำหนดและปรับตั้งค่าการติดตามสินค้าหรือการจัดการบริการได้อย่างง่ายดาย โดยฟังก์ชันทั้งหมดถูกออกแบบมาให้ใช้งานได้อย่างสะดวกและครอบคลุมทุกความต้องการ

ในส่วนของการจัดการสินค้าประเภท "คอมโบ" (Combo) ใน Odoo 18 เป็นการนำเสนอแพ็กเกจสินค้าที่รวมหลายรายการไว้ในข้อเสนอเดียว เช่น แพ็กเกจ "Office Combo" ที่ลูกค้าสามารถเลือกโต๊ะ เก้าอี้ และอุปกรณ์เสริมตามความต้องการ โดยมีตัวเลือกสินค้าที่หลากหลายให้เลือกในแต่ละประเภทสินค้า เช่น โต๊ะ 2 แบบ เก้าอี้ 3 แบบ เป็นต้น

อย่างไรก็ตาม ราคาสินค้าแต่ละแบบอาจมีความแตกต่างกัน เช่น หากลูกค้าเลือกเก้าอี้ที่มีราคาสูงกว่า ราคาของแพ็กเกจคอมโบจะเพิ่มขึ้นตามไปด้วย เพื่อสะท้อนต้นทุนที่สูงขึ้น เช่น การเพิ่มราคา $70 สำหรับเก้าอี้ที่แพงกว่า เป็นต้น

สรุปคือ ระบบคอมโบ (Combo) ช่วยให้ลูกค้าสามารถปรับแต่งการเลือกสินค้าได้ตามความต้องการ แต่หากเลือกสินค้าที่มีราคาสูงกว่า ราคาของแพ็กเกจจะปรับเพิ่มขึ้นตามสินค้าที่เลือก

​ แนะนำฟีเจอร์ใหม่ในการสร้างและจัดการสินค้าใน Odoo

การปรับปรุงแบบฟอร์มสินค้า: หน้าฟอร์มการสร้างและจัดการสินค้าถูกออกแบบใหม่ให้ใช้งานง่ายขึ้น ข้อมูลสำคัญถูกจัดเรียงอย่างเป็นระเบียบ ทำให้ผู้ใช้สามารถสร้างและแก้ไขสินค้าได้สะดวกยิ่งขึ้น

การเชื่อมต่อกับ Barcode Lookup: Odoo 18 เพิ่มฟีเจอร์ใหม่ที่ช่วยลดเวลาในการกรอกข้อมูลสินค้าด้วยการเชื่อมต่อกับฐานข้อมูล "Barcode Lookup" ซึ่งสามารถดึงข้อมูลสินค้าจากบาร์โค้ด เช่น ชื่อสินค้า รูปภาพ และรายละเอียดอื่น ๆ ได้ทันที ช่วยให้การสร้างสินค้าใหม่ในระบบง่าย รวดเร็วและแม่นยำมากขึ้น

ลดความล่าช้าในการนำสินค้าเข้าระบบ: ฟีเจอร์ใหม่นี้เหมาะกับธุรกิจขนาดเล็กที่อาจมีความล่าช้าในการบันทึกข้อมูลสินค้าใหม่ เพราะทำให้สามารถขายหรือใช้งานสินค้าที่ได้รับจากผู้ขายได้ทันที โดยไม่ต้องรอการกรอกข้อมูลนาน ๆ

 การจัดการ Attributes

Odoo ได้ปรับปรุงระบบการจัดการ Attributes ของผลิตภัณฑ์เพื่อลดความยุ่งยากในการจัดการข้อมูล โดยก่อนหน้านี้หากมี attributes ที่ไม่จำเป็นต้องใช้งานอีกต่อไป ผู้ใช้งานจะไม่สามารถลบออกได้ แต่ใน Odoo 18 นี้ สามารถ "Archive" (เก็บถาวร) Attributes ที่ไม่ใช้งานแล้วได้ ซึ่งช่วยให้การจัดการสินค้ามีความเรียบร้อยและเป็นระเบียบมากขึ้น

นอกจากนี้ ยังเพิ่มความสามารถการจัดการ "Attribute Values" ได้ เช่น หากมีค่าว่า "legs in steel" และต้องการปรับราคาเพิ่มเติม Odoo มีปุ่มสำหรับอัปเดตราคาสำหรับผลิตภัณฑ์ทั้งหมดที่เชื่อมโยงกับ attribute นั้น ๆ โดยอัตโนมัติ โดยไม่ต้องปรับทีละรายการเอง

สำหรับการเพิ่มค่าของ Attribute ใหม่ เช่น "legs in wood" ก็สามารถเพิ่มค่าใหม่ให้กับสินค้าที่เชื่อมโยงกับ Attribute นั้นได้ในคราวเดียว หรือจะเลือกเปลี่ยนเฉพาะบางผลิตภัณฑ์ที่ต้องการก็ได้ การปรับปรุงเล็ก ๆ เหล่านี้ช่วยให้การจัดการ Catalog สินค้าง่ายขึ้น

 การจัดการ Price List

Odoo ได้ปรับปรุงระบบการตั้งราคาและการจัดการ Price List ให้มีความยืดหยุ่นมากขึ้น โดยได้รวมทั้งความเรียบง่ายและการจัดการราคาไว้ในระบบเดียว

การตั้งราคาแบบง่าย: ผู้ใช้งานสามารถเพิ่มกฎการตั้งราคาที่ขึ้นอยู่กับจำนวนสินค้าได้โดยตรงจากหน้าแคตาล็อก Product เช่น ตั้งราคาขายพิเศษหากซื้อ 3 ชิ้นขึ้นไป เป็นต้น

การตั้งราคาสำหรับสินค้าหลายรายการ: ผู้ใช้งานสามารถสร้างกฎราคาที่ใช้กับสินค้าหลายประเภทได้จากหน้า price list เช่น การตั้งส่วนลด 10% หากซื้อ 5 ชิ้น และส่วนลด 15% หากซื้อ 10 ชิ้น ซึ่งจะนำไปใช้กับสินค้าทั้งหมดในรายการ เป็นต้น

การสร้างรายงาน Price List: ระบบมีปุ่มใหม่ที่ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถเลือกสินค้าที่ต้องการและสร้างรายการราคาในรูปแบบ PDF, CSV หรือ Excel ซึ่งสามารถแชร์กับลูกค้าหรือใช้ในระบบของตนเองได้ง่ายขึ้น

 การจัดการใบเสนอราคา (Quotation)

Odoo ได้มีการปรับปรุงฟังก์ชันการจัดการใบเสนอราคา (Quotation) โดยเน้นไปที่การใช้งานที่ง่ายและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ซึ่งน่าสนใจ ดังนี้

การปรับปรุงหน้าจอใบเสนอราคา: Odoo ได้รวมข้อมูลของผลิตภัณฑ์และคำอธิบายให้อยู่ในคอลัมน์เดียวกัน เพื่อเพิ่มพื้นที่สำหรับข้อมูลที่สำคัญอื่น ๆ การปรับปรุงนี้ทำให้ผู้ใช้งานสามารถดูข้อมูลได้สะดวกขึ้น

การจัดการราคาอย่างมีประสิทธิภาพ: เมื่อลูกค้าแก้ไขราคาสินค้าเอง ระบบจะไม่คำนวณราคาใหม่ให้ แม้จะมีการเปลี่ยนแปลงจำนวนสินค้า ซึ่งจะช่วยประหยัดเวลา หากต้องการนำราคาเดิมกลับมาใช้ ผู้ใช้งานสามารถเลือก Price List ใหม่และคลิกอัปเดตราคาได้

การจัดเรียงเทมเพลตใบเสนอราคา: ผู้ใช้งานสามารถจัดเรียงลำดับเทมเพลตใบเสนอราคาได้ตามต้องการ เช่น ต้องการให้เทมเพลต “Office Furnitures” อยู่ด้านบนสุด เป็นต้น

การใช้งานสเปรดชีต (Spreadsheet): Odoo มีการรวมสเปรดชีตที่ช่วยในการคำนวณราคาใบเสนอราคาโดยอัตโนมัติ เช่น การคำนวณค่าขนส่งและค่าแรงในการประกอบเฟอร์นิเจอร์ โดยผู้ใช้สามารถกรอกข้อมูลเพิ่มเติม เช่น ปริมาณการขนส่ง ระยะทาง และเวลาที่ใช้ในการติดตั้ง เป็นต้น

การนำเข้าข้อมูลจากสเปรดชีต (Spreadsheet): เมื่อผู้ใช้บันทึกข้อมูลในสเปรดชีต ระบบจะนำเข้าข้อมูลที่คำนวณไว้ไปยังใบเสนอราคาโดยอัตโนมัติ ซึ่งจะช่วยให้การทำงานเป็นไปอย่างราบรื่นและมีประสิทธิภาพ

 Tab Quote Builder

Odoo ได้พัฒนาฟังก์ชันการสร้างใบเสนอราคาโดยการเพิ่ม Quote Builder ที่ช่วยให้การปรับแต่งเอกสาร PDF เป็นไปอย่างง่ายดายและมีความยืดหยุ่นมากขึ้น โดยหวังว่าการปรับปรุงเหล่านี้จะช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถส่งใบเสนอราคาที่มีความเป็นส่วนตัวมากขึ้น และช่วยเพิ่มอัตราการเปลี่ยนผู้สนใจเป็นลูกค้า (Conversion Rate)

การใช้ Quote Builder: Quote Builder เป็นแท็บใหม่ที่ถูกเพิ่มเข้ามา ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถปรับแต่งเอกสาร PDF ของใบเสนอราคาได้ง่ายขึ้น โดยสามารถเพิ่มหัวกระดาษ (Header) และท้ายกระดาษ (Footer) รวมถึงเอกสารการตลาดของผลิตภัณฑ์ในใบเสนอราคาได้

ความยืดหยุ่นในการปรับแต่ง: ในเวอร์ชันก่อนหน้านี้ การเพิ่มข้อมูลลงในใบเสนอราคานั้นจำกัดเพียงฟิลด์บางส่วนที่กำหนดไว้ แต่ในปัจจุบันผู้ใช้งานสามารถกำหนดฟิลด์ใด ๆ ที่มีอยู่ในฐานข้อมูลของตนเองได้ นอกจากนี้ ยังสามารถเพิ่มข้อมูลที่ต้องการให้ฝ่ายขายป้อนลงไปในแต่ละใบเสนอราคาได้

การจัดการข้อมูลของผลิตภัณฑ์: หากมีเอกสารหรือหมายเหตุที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ในใบเสนอราคา ผู้ใช้งานสามารถเลือกได้ว่าจะรวมเอกสารเหล่านั้นในใบเสนอราคาหรือไม่ โดยเอกสารสามารถส่งแนบในอีเมลได้

การสร้างใบเสนอราคาแบบส่วนตัว: ผู้ใช้งานสามารถสร้างใบเสนอราคาที่มีความเป็นส่วนตัวและตรงกับความต้องการของลูกค้าได้มากขึ้น เช่น การระบุขนาดและราคาเฉพาะของสินค้าที่เสนอขาย เป็นต้น

 การนำเข้าคำขอใบเสนอราคาจาก PDF และสร้างใบเสนอราคาใหม่โดยอัตโนมัติ

Odoo 18 แสดงให้เห็นถึงความสามารถในการจัดการใบเสนอราคาที่มีประสิทธิภาพ โดยการนำเข้าคำขอใบเสนอราคาจากไฟล์ PDF และสร้างใบเสนอราคาใหม่โดยอัตโนมัติ โดยผู้ใช้งานสามารถตรวจสอบข้อผิดพลาดและตอบสนองต่อลูกค้าได้อย่างรวดเร็ว

การรับคำขอใบเสนอราคา: เมื่อผู้ใช้งานได้รับคำขอใบเสนอราคาจากลูกค้าในรูปแบบไฟล์ PDF ซึ่งสามารถนำไฟล์ PDF นั้นมาใช้ในระบบ Odoo ได้โดยตรง

การสร้างใบเสนอราคาอัตโนมัติ: เมื่อผู้ใช้งานนำไฟล์ PDF ใส่ในรายการใบเสนอราคา ระบบ Odoo จะสร้างใบเสนอราคาใหม่โดยอัตโนมัติ โดยที่ผลิตภัณฑ์ทั้งหมดที่ระบุในคำขอจะถูกนำเข้าไปในใบเสนอราคาอย่างถูกต้อง

การตรวจสอบข้อมูล: ระบบสามารถตรวจสอบข้อมูลลูกค้าและทำการนำเข้า Product แต่บางครั้งอาจมีปัญหาในการจับคู่ผลิตภัณฑ์จากคำขอใบเสนอราคาและฐานข้อมูลผลิตภัณฑ์ที่มีอยู่ใน Odoo หากมีข้อผิดพลาดในการจับคู่ เช่น รหัสผลิตภัณฑ์ไม่ตรงกัน จะมีการแสดงผลในลักษณะไฮไลท์ (สีส้ม) เพื่อให้ผู้ใช้งานทราบ

การสื่อสารกับลูกค้า: ในกรณีที่เกิดข้อผิดพลาดในการนำเข้าข้อมูล ผู้ใช้งานสามารถแจ้งให้ลูกค้าแก้ไขรหัสผลิตภัณฑ์ได้

การส่งใบเสนอราคา: ผู้ใช้งานสามารถตอบสนองต่อคำขอใบเสนอราคาได้อย่างรวดเร็ว โดยการสร้างใบเสนอราคาใหม่และส่งให้ลูกค้าทางอีเมลในเวลาอันสั้น

 สร้างความสัมพันธ์ลูกค้าด้วย Loyalty System

Odoo ได้ปรับปรุงระบบ Loyalty ทำให้ลูกค้าสามารถตรวจสอบแต้มสะสม (Loyalty Points), ยอดเงินใน e-wallet และประวัติการทำธุรกรรมได้จาก Portal ของลูกค้า โดยมีการเพิ่มฟีเจอร์การสแกน QR Code เพื่อใช้แต้มสะสมในการซื้อสินค้าผ่าน POS ซึ่งเพิ่มความสะดวกในการใช้งาน และช่วยส่งเสริมการซื้อซ้ำ

ระบบ Loyalty: สามารถทำงานร่วมกันได้ในทุกโมดูลด้านการขาย เช่น ระบบขายหน้าร้าน (Point of Sales) และอีคอมเมิร์ซ เป็นต้น

การเข้าถึงจาก Portal ของลูกค้า: เวอร์ชัน 18 ลูกค้าสามารถเข้าถึงระบบ Loyalty และดูข้อมูลเกี่ยวกับบัตร Loyalty ของตนได้จาก Portal ของลูกค้า เช่น จำนวนคะแนนที่มีอยู่และประวัติการทำธุรกรรมล่าสุด เป็นต้น

ประวัติการทำธุรกรรม: ลูกค้าสามารถตรวจสอบยอดคะแนนที่ได้รับจากการซื้อสินค้า รวมถึงดูประวัติการทำธุรกรรมทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับบัตร Loyalty ได้

กระตุ้นการซื้อใหม่: การที่ลูกค้าสามารถเห็นคะแนน Loyalty ของตน จะช่วยกระตุ้นให้ลูกค้าทำการซื้อสินค้าซ้ำ ทำให้เกิดยอดการสั่งซื้อเรื่อย ๆ

ฟีเจอร์ QR Code: สำหรับลูกค้าที่ใช้ระบบขายหน้าร้าน (POS) ลูกค้าจะสามารถใช้ QR Code บนบัตร Loyalty เพื่อลงทะเบียนตัวตนในการซื้อสินค้าได้อย่างง่ายดาย

​ ระบบคอมมิชชั่น (Sales Commission)

​ในเวอร์ชัน 18 Odoo ได้พัฒนาโมดูลใหม่สำหรับการคำนวณค่าคอมมิชชั่นในโมดูลการขาย โดยมุ่งหวังให้ผู้ใช้งานสามารถกำหนดแผนคอมมิชชั่นตามยอดขายหรือเป้าหมายที่ตั้งไว้ในแต่ละไตรมาส สามารถติดตามยอด  และปรับเปลี่ยนค่าคอมมิชชั่นได้อย่างสะดวกและมีประสิทธิภาพ 

เมนูค่าคอมมิชชั่น: เพิ่มเมนูใหม่ในแอปพลิเคชันการขายเพื่อคำนวณค่าคอมมิชชั่นให้กับพนักงานขาย โดยสามารถตั้งค่าค่าคอมมิชชั่นตามแผนที่กำหนดได้

แผนค่าคอมมิชชั่น: ผู้ใช้สามารถสร้างแผนค่าคอมมิชชั่นใหม่ โดยสามารถติดตามและวิเคราะห์ค่าคอมมิชชั่นที่พนักงานขายจะได้รับตามความสำเร็จของตน

การตั้งเป้าหมาย: สามารถตั้งเป้าหมายให้กับพนักงานขายในการออกใบแจ้งหนี้ที่ต้องทำให้สำเร็จในแต่ละไตรมาส และค่าคอมมิชชั่นจะถูกกำหนดตามผลลัพธ์ที่พนักงานขายสามารถทำได้

ติดตามค่าคอมมิชชั่น: พนักงานขายสามารถตรวจสอบสถานะค่าคอมมิชชั่นของตนเองได้ ทำให้รู้ว่าจะได้รับค่าคอมมิชชั่นเท่าไรเมื่อถึงสิ้นเดือน

การปรับเปลี่ยนค่าคอมมิชชั่น: รองรับการแบ่งคอมมิชชั่น ในกรณีที่ยอดขายจำเป็นต้องถูกแบ่งให้กับพนักงานขายหลายคนที่ร่วมมือกันขาย

  Lot and Serial Number

จัดการหมายเลขซีเรียลสำหรับลูกค้า: เมื่อขายสินค้าที่มีหมายเลขซีเรียล Odoo 18 มีปุ่มที่ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถค้นหาหมายเลขซีเรียลที่ส่งมอบให้กับลูกค้าได้อย่างง่ายดาย ซึ่งฟีเจอร์นี้เป็นประโยชน์สำหรับการจัดการการรับประกันหรือบริการหลังการขาย ทำให้ผู้ใช้งานประหยัดเวลาในการค้นหาหมายเลขซีเรียลได้มากขึ้น

สรุปแล้วโมดูลการขาย (Sales Module) ของ Odoo เวอร์ชัน 18 มีการปรับเปลี่ยนฟีเจอร์ใหม่เพิ่มเติมหลากหลาย เพื่อตอบโจทย์การใช้งานตามสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป โดยยังคงคอนเซ็ปต์ที่ตั้งใจให้ผู้ใช้งานสามารถได้ใช้งานได้สะดวก รวดเร็ว และเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานให้ดียิ่งขึ้น

อ่านบทความเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Odoo เวอร์ชัน 18 ได้ ที่นี่

สนใจนำ Odoo ERP มาใช้ในองค์กร

ติดต่อเราเล​​​​ย