AI (Artificial Intelligence) คืออะไร ทำไมใคร ๆ ก็พูดถึง

ในปัจจุบันเทคโนโลยีได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของการดำเนินชีวิต เทคโนโลยีที่ออกมาใหม่ มักมี AI เข้าไปร่วมด้วย ถึงกับกล่าวได้ว่า AI คือเทคโนโลยีอัจฉริยะที่จะเข้ามาเปลี่ยนโลก แล้ว AI คืออะไร ทำไมทุกคนถึงพูดถึงกัน มาค้นหาคำตอบได้ในบทความนี้
8 เมษายน ค.ศ. 2025 โดย
Roots Team

​​​ในยุคดิจิทัลที่เทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทในทุกด้านของชีวิต "ปัญญาประดิษฐ์" หรือ AI (Artificial Intelligence) กลายเป็นคำที่ได้ยินบ่อยขึ้นเรื่อย ๆ ไม่ว่าจะในธุรกิจ การศึกษา หรือชีวิตประจำวัน หลายคนอาจสงสัยว่า AI คืออะไร แล้วทำไมทุกคนถึงพูดถึง AI


AI คืออะไร ?

​AI ย่อมาจาก Artificial Intelligence หรือแปลเป็นภาษาไทยว่า "ปัญญาประดิษฐ์" เป็นเทคโนโลยีที่ทำให้เครื่องจักรหรือซอฟต์แวร์สามารถเลียนแบบกระบวนการคิดของมนุษย์ เช่น การคิด การเรียนรู้ การให้เหตุผล หรือการแก้ปัญหา ในโลกยุคปัจจุบัน AI ได้ถูกนำมาใช้ในหลายอุตสาหกรรมเพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและลดภาระการทำงานของมนุษย์ลง

​​เรามักเห็น AI ในการแบ่งเบาภาระงานต่าง ๆ ยกตัวอย่างเช่น ระบบที่มี AI ที่ช่วยแนะนำสินค้าในแพลตฟอร์มออนไลน์ แชทบอท (Chatbot) ที่ช่วยตอบคำถามลูกค้าเบื้องต้น หรือแม้แต่รถยนต์ไร้คนขับ ที่มีการทดสอบออกมาให้เห็นเรื่อย ๆ

AI ย่อมาจาก Artificial Intelligence หรือแปลเป็นภาษาไทยว่า "ปัญญาประดิษฐ์" เป็นเทคโนโลยีที่ทำให้เครื่องจักรหรือซอฟต์แวร์สามารถเลียนแบบกระบวนการคิดของมนุษย์

ประเภทของ AI

​ประเภทของ AI ถูกแบ่งตามระดับความสามารถและการทำงาน โดยหลัก ๆ มี 3 ประเภท ได้แก่ Narrow AI, General AI และ Super AI ซึ่งแต่ละประเภทก็มีรูปแบบและการนำไปใช้งานที่แตกต่างกัน

	​ประเภทของ AI ถูกแบ่งตามระดับความสามารถและการทำงาน โดยหลัก ๆ มี 3 ประเภท ได้แก่ Narrow AI, General AI และ Super AI ซึ่งแต่ละประเภทก็มีรูปแบบและการนำไปใช้งานที่แตกต่างกัน

1. Artificial Narrow Intelligence (ANI): AI เฉพาะทาง

AI ประเภทนี้ถูกออกแบบมาให้ทำงานเฉพาะด้าน จึงสามารถทำงานเฉพาะทางได้ดี แต่จะไม่มีความสามารถในการคิด หรือเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ นอกเหนือจากที่ถูกออกแบบมา

ตัวอย่างเช่น

  • ระบบแนะนำสินค้าในแพลตฟอร์ม E-Commerce
  • AI ที่ใช้วิเคราะห์ภาพถ่ายทางการแพทย์
  • AI สำหรับแปลภาษา เช่น Google Translate
  • AI ที่ใช้ตอบคำถามลูกค้าผ่านทาง Chatbot

2. Artificial General Intelligence (AGI): AI ระดับปัญญาประดิษฐ์ทั่วไป

​AI ประเภทนี้มีความสามารถคล้ายมนุษย์ สามารถเรียนรู้ คิด วิเคราะห์ และตัดสินใจในหลาย ๆ สถานการณ์ได้ สามารถนำความรู้จากเรื่องหนึ่งไปใช้กับเรื่องอื่นได้ แต่ปัจจุบันยังอยู่ในระยะพัฒนา

ตัวอย่างเช่น

  • หุ่นยนต์ที่สามารถคิดและตัดสินใจได้เอง
  • ระบบ AI ที่สามารถเขียนโปรแกรมได้โดยอัตโนมัติ
  • AI ที่สามารถสื่อสารและแปลภาษาได้เหมือนมนุษย์

3. Artificial Super Intelligence (ASI): AI ระดับปัญญาประดิษฐ์ขั้นสูงสุด

AI ระดับนี้มีศักยภาพสูงกว่ามนุษย์ ฉลาดกว่ามนุษย์ในทุกด้าน สามารถคิด วิเคราห์ ตัดสินใจ พัฒนาตนเอง และสร้างสรรค์สิ่งใหม่ ๆ ได้ดีกว่ามนุษย์ ซึ่งปัจจุบันยังไม่มีเทคโนโลยีที่พัฒนาไปถึงระดับนี้

ตัวอย่างเช่น (ปัจจุบันยังไม่มีอยู่จริง)

  • AI ที่สามารถพัฒนา AI ตัวใหม่ได้เอง
  • AI ที่สามารถวิจัยและพัฒนาวิทยาการใหม่ ๆ โดยไม่มีมนุษย์เกี่ยวข้อง
  • AI ที่สามารถตัดสินใจปัญหาที่ยากได้ เช่น โรคที่ยังไม่มีทางรักษา มลภาวะ

ทำไม AI ถึงได้รับความนิยมในปัจจุบัน ?

​ในโลกที่หมุนเร็วขึ้นทุกวัน เทคโนโลยี AI ได้กลายเป็นเทคโนโลยียอดนิยมในยุคปัจจุบัน เพราะสามารถช่วยมนุษย์ทำงานได้หลากหลาย ช่วยเพิ่มความสะดวกสบาย และสร้างโอกาสใหม่ ๆ ในหลายวงการ รู้ตัวอีกที AI ก็ได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันของเราไปแล้ว


​ลองจินตนาการดูว่าตั้งแต่เช้า เราเปิดโทรศัพท์ขึ้นมาอยากฟังเพลง ก็มี AI คอยแนะนำเพลงที่เราชอบ AI ช่วยบอกสภาพอากาศถ้าวันนี้เราอยากออกไปข้างนอก ช่วยตอบแชทแทนเรา แปลภาษาจากอีกซีกโลก หรือแม้แต่ช่วยวิเคราะห์สุขภาพของเราก็สามารถทำได้อย่างรวดเร็ว


​ ​AI มีข้อดีหลายอย่าง ทั้งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานและลดต้นทุน ช่วยพัฒนานวัตกรรมใหม่ ๆ ช่วยให้มนุษย์มีเวลามากขึ้นในการทำงานสร้างสรรค์ แล้ว AI มีเทคโนโลยีอะไรที่อยู่เบื้องหลังความอัจฉริยะนี้กันนะ...

​เทคโนโลยีเบื้องหลัง AI

​AI ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีหลายด้านที่ทำให้ AI นั้น สามารถเรียนรู้ วิเคราะห์ และตัดสินใจได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งเทคโนโลยีหลักที่อยู่เบื้องหลัง AI เช่น 

  • Machine Learning (ML) เป็นกระบวนการที่ทำให้ AI สามารถเรียนรู้จากข้อมูลได้ โดยไม่ต้องมีการตั้งโปรแกรมแบบตายตัว
  • Deep Learning (DL) การเรียนรู้เชิงลึก เป็นแขนงหนึ่งของ Machine Learning ที่ใช้โครงข่ายประสาทเทียม (Neural Networks) ที่มีหลายชั้นเพื่อเรียนรู้ข้อมูลที่ซับซ้อน
  • Neural Networks ที่ช่วยให้ AI สามารถเรียนรู้และพัฒนาได้เอง โดยไม่ต้องมีการโปรแกรมล่วงหน้า

Machine Learning (ML), Deep Learning (DL), Neural Networks

​ปัจจัยที่ทำให้ AI เติบโตอย่างรวดเร็ว

​ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา AI มีการพัฒนาอย่างก้าวกระโดด ซึ่งเกิดจากหลายปัจจัยที่ส่งเสริมให้ AI มีประสิทธิภาพและถูกนำไปใช้ในวงกว้างมากขึ้น โดยปัจจัยสำคัญที่ทำให้ AI เติบโตอย่างรวดเร็ว ได้แก่

  • ความก้าวหน้าของฮาร์ดแวร์และการประมวลผล (Hardware & Computing Power) การพัฒนา Hardware ที่รองรับ AI เช่น GPU และ TPU
  • ปริมาณข้อมูลที่เพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล (Big Data)
  • อัลกอริทึมที่มีประสิทธิภาพสูงขึ้น
  • การลงทุนใน AI จากบริษัทเทคโนโลยีและรัฐบาลทั่วโลก

ตัวอย่างการใช้งาน AI ในปัจจุบัน

​AI ในภาคธุรกิจและอุตสาหกรรม

  • ระบบ Chatbot และ AI ช่วยในการให้บริการลูกค้า
  • AI ในการวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อช่วยในการตัดสินใจทางธุรกิจ เช่น วิเคราะห์ข้อมูลลูกค้าเพื่อเพิ่มยอดขาย หรือคาดการณ์เทรนด์ของตลาดล่วงหน้า เป็นต้น
  • AI ในระบบ Automation และหุ่นยนต์อุตสาหกรรม สามารถทำงานซ้ำ ๆ ที่มนุษย์เคยต้องทำได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ

 Chatbot

​AI ในชีวิตประจำวัน

  • เป็นผู้ช่วยเสมือน ในการหาคำตอบจากข้อมูลมหาศาล เช่น Siri, Google Assistant หรือ Alexa เป็นต้น

  • การจับพฤติกรรมของผู้ใช้งาน ระบบแนะนำคอนเทนต์ในแพลตฟอร์มสตรีมมิ่ง เช่น Netflix, YouTube เป็นต้น

  • เทคโนโลยีการจดจำใบหน้าในสมาร์ทโฟน

การจับพฤติกรรมของผู้ใช้งาน

​AI กับการพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ ๆ

  • AI ในการพัฒนาเทคโนโลยีด้านสุขภาพ เช่น การวินิจฉัยโรค และการพัฒนายา เป็นต้น

  • AI ในการขับเคลื่อนรถยนต์ไร้คนขับ

  • AI ในการพัฒนา Metaverse และโลกเสมือน

  • AI ในการพัฒนาการศึกษา ช่วยสอนนักเรียนแบบปรับตามบุคคล

รถยนต์ไร้คนขับ

AI ส่งผลกระทบต่ออนาคตอย่างไร?

​ความท้าทายและข้อกังวลเกี่ยวกับ AI ในอนาคตที่มนุษย์ต้องเผชิญ

​แม้ว่าในปัจจุบัน AI จะสร้างโอกาสและความสะดวกสบายมากมายให้มนุษย์ แต่ในอีกด้านหนึ่ง เทคโนโลยี AI ก็ยังมาพร้อมกับความท้าทายและข้อกังวลที่มนุษย์ทั่วโลกต้องเผชิญและรับมือให้ทัน


​ประเด็นสำคัญที่ต้องจับตามองเกี่ยวกับอนาคตของ AI 👇

1. การแทนที่แรงงานมนุษย์

​AI ผลกระทบต่อการจ้างงานและอาชีพ เนื่องจาก AI มีศักยภาพในการทำงานแทนมนุษย์ได้ในหลายอาชีพ โดยเฉพาะอาชีพที่ต้องทำงานที่ทำซ้ำ ๆ หรืองานที่ใช้ตรรกะ เช่น

  • งานบริการลูกค้า (Chatbot)

  • งานบัญชี เช่น การคำนวณ สรุปค่าใช้จ่ายต่าง ๆ 

  • งานขนส่งและโลจิสติกส์ เช่น รถยนต์ไร้คนขับ

  • งานสื่อและการเขียน เช่น ใช้ AI ในการเขียนข่าวหรือบทความ

​ในอนาคตจะเกิดการว่างงานจำนวนมากในหลายอาชีพ และเกิดช่องว่างทางรายได้ที่เพิ่มมากขึ้น

2. เกิด AI ที่ฉลาดเกินควบคุม (Superintelligence)

​หลายฝ่ายกังวลว่า AI อาจพัฒนาไปจนถึงขั้นที่ฉลาดจนเกินกว่าที่มนุษย์จะควบคุมได้ หากไม่มีแนวทางหรือกรอบการกำกับดูแลที่เหมาะสม เช่น

  • AI ตัดสินใจโดยไม่มีมนุษย์อยู่ในวงจร (Autonomous decision-making)

  • การที่ AI แก้ปัญหาบางอย่างแบบผิดจริยธรรม

  • การเกิด “Singularity” หรือจุดที่ AI พัฒนาได้ด้วยตัวเองอย่างไร้ขีดจำกัด

3. ความเป็นส่วนตัวและข้อมูลส่วนบุคคล

​เกิดปัญหาเรื่องความเสี่ยงด้านความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยของข้อมูล เนื่องจาก AI การเรียนรู้ของ AI ต้องอาศัยข้อมูลจำนวนมหาศาลในการเรียนรู้ ซึ่งหลายครั้งข้อมูลเหล่านั้น อาจเป็นข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้งาน เช่น พฤติกรรมการใช้งานโทรศัพท์มือถือ ข้อมูลด้านสุขภาพ หรือการค้นหาและตำแหน่งที่ตั้ง เป็นต้น


​การใช้งานข้อมูลส่วนบุคคลเหล่านี้ ส่งผลให้เกิดความกังวลในเรื่องของการละเมิดความเป็นส่วนตัว การถูกสอดแนมหรือควบคุมโดยองค์กรหรือรัฐ และเกิดความเสี่ยงในการโดนแฮ็กข้อมูล

4. การใช้ AI เพื่อทำเรื่องหลอกลวงหรือทำอันตราย

​ในปัจจุบัน เทคโนโลยี AI สามารถสร้างเนื้อหาเทียม (Deepfake, Fake news) ได้อย่างแนบเนียน อย่างที่เราพบเห็นกัน เช่น วิดีโอปลอมของบุคคลสำคัญ ข่าวปลอมที่มีผลต่อการเมือง และการปลอมเสียงหรือการหลอกลวงทางโทรศัพท์ เป็นต้น


 การนำเทคโนโลยี AI ไปใช้ในทางที่ผิด ส่งผลกระทบอย่างมากต่อสังคม ลดความเชื่อถือของข้อมูลบนโลกออนไลน์ สร้างความเสียหายต่อบุคคลที่มีชื่อเสียงจากข่าวปลอม ส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของสังคมในช่วงที่มีการเลือกตั้ง นอกจากนี้ ยังเพิ่มโอกาสในการก่ออาชญากรรมทางไซเบอร์อีกด้วย

5. จริยธรรมและความรับผิดชอบของ AI

AI มีความสามารถในการ "ตัดสินใจแทนมนุษย์" ได้ในหลายสถานการณ์ แต่ก็มี​ความกังวลเกี่ยวกับจริยธรรมและความโปร่งใสของ AI ในกรณีที่มีเหตุการณ์เกิดขึ้น แล้ว AI ตัดสินใจผิดพลาด เช่น การใช้ AI ในระบบขับขี่อัตโนมัติรถยนต์ไร้คนขับ หรือการวินิจฉัยโรคต่าง ๆ เมื่อมีความผิดพลาดเกิดขึ้น คำถามสำคัญที่ตามมา คือ "ใครจะเป็นผู้รับผิดชอบ?"

มีข้อกังวลเกิดขึ้นในการกำหนดความรับผิดชอบระหว่างมนุษย์กับ AI​ ความรับผิดชอบตรงนี้ควรเป็นของฝ่ายใด นักพัฒนา บริษัทที่พัฒนา หรือไม่มีใครผิดเลย ซึ่งก็ยังเป็นช่องโหว่ที่หลายประเทศยังไม่สามารถจัดการได้

​แม้ AI จะฉลาดแค่ไหน แต่ก็เป็นเพียงเครื่องมือที่ทำตามข้อมูลและอัลกอริธึมที่มนุษย์ป้อนให้ AI ไม่รู้จักความเมตตา ความยุติธรรม หรือศีลธรรม AI เรียนรู้จากข้อมูลในอดีต ซึ่งมักมีอคติที่ไม่รู้ตัวอยู่ในนั้น การตัดสินใจของ AI อาจจะแม่นยำในเชิงเทคนิค แต่สามารถผิดจริยธรรมได้ เช่น การเลือกไม่รักษาผู้ป่วยที่โอกาสรอดน้อยเพื่อรักษาคนที่มีโอกาสมากกว่า AI คัดกรองผู้สมัครงาน แล้วตัดสิทธิ์ผู้หญิงโดยไม่ตั้งใจ เพราะข้อมูลเดิมที่ AI เรียนรู้มาจากระบบที่เคยเลือกผู้ชายมาก่อน เป็นต้น

6. AI กับความเหลื่อมล้ำระหว่างประเทศ

ปัจจุบันประเทศที่พัฒนา AI ได้เร็วจะได้เปรียบในหลายด้าน เช่น เศรษฐกิจ ความมั่นคง และนวัตกรรม ในขณะที่ประเทศกำลังพัฒนาหรือที่ไม่มีทรัพยากรที่พร้อมจะซัพพอร์ทความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีตรงนี้ อาจตกอยู่ในสถานะผู้ตาม

​AI จึงส่งผลกระทบต่อความเหลื่อมล้ำทางเทคโนโลยีและเศรษฐกิจ เกิดการผูกขาดของบริษัทเทคโนโลยีใหญ่ มีการเข้าถึง AI ที่ไม่เท่าเทียมกันในประชากรโลก ซึ่งก็เป็นหน้าที่ของมนุษย์เราที่จะต้องพยายามหาจุดสมดุลเพื่อให้การดำเนินชีวิตของมนุษย์ยังสามารถดำเนินต่อไปได้

AI กับการแทนที่แรงงานมนุษย์

บทสรุป: AI มีประโยชน์อย่างไร เราควรเตรียมความพร้อมรับมือกับ AI อย่างไร

​AI หรือปัญญาประดิษฐ์ เป็นเทคโนโลยีที่มีอิทธิพลอย่างมากต่อทุกภาคส่วนของโลกในปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นด้านธุรกิจ อุตสาหกรรม หรือแม้แต่การใช้ชีวิตประจำวัน เทคโนโลยี AI ช่วยให้เราทำงานได้สะดวกขึ้น เป็นขุมพลังของมนุษย์ในการสร้างโลกให้ดีขึ้น แต่ก็มีข้อท้าทายที่มนุษย์ต้องเตรียมตัวรับมือเผชิญตั้งแต่วันนี้ เราควรส่งเสริมการศึกษาเรื่อง AI ให้กับประชาชนทุกระดับ ขวนขวายหาความรู้อย่างสม่ำเสมอ ไม่หยุดนิ่ง พัฒนาทักษะใหม่ ๆ ทำความเข้าใจ รู้จักวิธีนำไปใช้อย่างถูกต้องและเหมาะสม รวมถึงสร้างความร่วมมือระดับโลกในการออกกฎหมายควบคุมการใช้งาน AI อย่างรอบคอบ มีการกำกับดูแล พัฒนา AI อย่างมีจริยธรรม และคำนึงถึงมนุษย์เป็นศูนย์กลาง ก็จะช่วยให้เราสามารถปรับตัวและใช้ประโยชน์จาก AI ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพราะอนาคตของ AI ก็คืออนาคตของมนุษย์เช่นกัน 💡🤝


สนใจนำ Odoo ERP มาใช้ในองค์กร

Roots Team 8 เมษายน ค.ศ. 2025
แชร์โพสต์นี้
แท็ก